บทที่ 4 ศิลปะกับคอมพิวเตอร์
ศิลปะกับคอมพิวเตอร์ 
                 Computer Art  หมายถึง  งานศิลปะอันเกิดจากการผลิตของเครื่องคอมพิวเตอร์ใน ค.ศ. 1935  อลัน  ทูริ่ง  ได้สร้างจักรกลการคำนวณนี้เรียกว่า  ทูริ่ง  แมชชีน  ซึ่งมุ่งเน้นการคำนวณต่อมาทูริ่งได้พัฒนามาเป็นคอมพิวเตอร์  เรียกว่า ACE ( Automatic  Computing  Engine )  ในยุคแรกคอมพิวเตอร์เริ่มใช้หลอดสุญญากาศแทนวงจรในการคำนวณ  ต่อมาในทศวรรษที่ 1950 ได้มีการสร้างทรานซิลเตอร์ที่มีขนาดเล็กแทนหลอดสุญญากาศ  ซึ่งคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นมีขนาดเล็ก การทำงานของคอมพิวเตอร์จึงมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์ทางด้านคณิตศาสตร์  ด้านวิทยาศาสตร์  ด้านการแพทย์  ด้านการทหาร ในด้านศิลปะได้ปรากฏแก่สายตาครั้งแรก  ในการเปิดตัวของงานนิทรรศการคอมพิวเตอร์กราฟิก  ต่อมา  มิเชล  นอล ได้ผลิตศิลปะคอมพิวเตอร์ขึ้นได้ร่วมการแสดงศิลปะคอมพิวเตอร์ในนครนิวยอร์ก  งานของได้แสดงรูปโค้งที่ ซ้ำ ๆ กัน  ซึ่งงานของเขามีลักษณะคล้ายกับงาน OP ARE  หรือการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ต่อเนื่องกันซึ่งคอมพิวเตอร์มีบทบาทในทุก ๆ วงการของสังคม  และบทบาทที่สำคัญ  คือ ด้านที่เกี่ยวกับศิลปะจะเป็นด้านการประยุกต์ใช้เพื่อการออกแบบ  การใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างงานศิลปะทั้งด้านวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ที่มีตั้งแต่งานด้านทัศนศิลป์  ด้านดนตรี  ด้านศิลปะการแสดง  ด้านสถาปัตยกรรม  รวมถึงด้านนันทนาการด้วย  การประยุกต์สร้างงานศิลปะด้วยคอมพิวเตอร์มีจุดเด่น  คือ  ช่วยให้ศิลปะสามารถออกแบบต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  ถูกต้องแม่นยำ  สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้  แบบที่สร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์จะมีความแปลกตาน่าสนใจ  เพราะสามารถสร้างได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว  รวมถึงการสร้างเสียงต่าง ๆ ประกอบในผลงานศิลปะได้อีกด้วย
รูปที่ 4.1 ศิลปะกับคอมพิวเตอร์

       ภาพศิลปะกับคอมพิวเตอร์
             การวาดภาพในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็สามารถวาดได้แล้วโดยไม่ต้องใช้พู่กันกับจานสี  แต่จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกแทนภาพที่วาด  ในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกนี้เราสามารถกำหนดสีแสง เงา รูป แบบลายเส้นที่ต้องการได้โดยง่าย  ภาพโฆษณาทางโทรทัศน์หลายชิ้นก็เป็นงานจากการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก  ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพก็คือเราสามารถแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ต้องการได้ง่าย นอกจากนี้เรายังสามารถนำภาพต่าง ๆ เก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เครื่องสแกนเนอร์ (Scanner) แล้วนำภาพเหล่านั้นมาแก้ไข
          ภาพยนตร์การ์ตูนและภาพยนตร์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์  หรือภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษต่าง ๆ ในปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างภาพเคลื่อนไหว (Computer Animation) มากขึ้น เช่น ภาพยานอวกาศที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์ การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยให้ภาพที่อยู่ในจิตนาการของมนุษย์สามารถนำออกมาทำให้ปรากฏเป็นจริงได้ 
          ภาพเคลื่อนไหวจึงมีประโยชน์มากทั้งในระบบการศึกษา  การอบรม  การวิจัย  และการจำลองการทำงาน  เช่น  จำลองกรขับรถ  การขับเครื่องบิน  เกมคอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกม  ก็ใช้หลักการทำเคลื่อนไหวจึงมีประโยชน์มากทั้งในระบบการศึกษา  การอบรม  การวิจัย  และการจำลองการทำงาน  เช่น  จำลองกรขับรถ  การขับเครื่องบิน  เกมคอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกม  ก็ใช้หลักการทำภาพเคลื่อนไหวในคอมพิวเตอร์กราฟิกเช่นกัน
รูปที่ 4.2 ศิลปะจากคอมพิวเตอร์

      
การออกแบบกราฟิก
           งานกราฟิกเป็นส่วนสำคัญที่มีบทบาทยิ่งต่อการออกแบบและกระบวนการผลิตสื่อโดยเฉพราะอย่างยิ่งสื่อที่ต้องการการสัมผัสรับรู้ด้วยตา  ได้แก่ หนังสือ  นิตยสาร วารสาร แผ่นป้าย บรรจุภัณฑ์ แผ่นพับ  แผ่นปลิว  โทรทัศน์  โฆษณา ภาพยนตร์  นักออกแบบจะใช้วิธีการทางศิลปะและวิธีการทางการออกแบบร่วมกันสร้างรูปแบบสื่อ  เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดในการที่จะเป็นตัวกลางในการสื่อความหมายระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร  วิธีการออกแบบและวิธีแก้ปัญหาการออกแบบ โดยการนำเอารูปภาพประกอบ ภาพถ่าย  สัญลักษณ์  รูปแบบ ขนาดตัวอักษรมาจัดวางเพื่อให้เกิดการนำเสนอข้อมูลอย่างชัดเจน เกิดผลดีต่อกระบวนการสื่อความหมาย
       

          ความหมายองการออกแบบกราฟิก
            เป็นลักษณะของการออกแบบพื้นผิว 2 มิติเพื่อเป็นสื่อกลางสำหรับถ่ายทอดข้อความความรู้สึกนึกคิด  และอารมณ์จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง  เพื่อให้เข้าใจและรู้เรื่องโดยใช้ประสาทตาในการรับรู้เป็นส่วนใหญ่  งานกราฟิกมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก  สิ่งที่เรามองเห็นด้วยตาจะโน้มน้าวจิตใจได้ดีกว่าการรับรู้ประเภทอื่น  งานกราฟิกที่ดีต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบที่ดีด้วย  นับตั้งแต่หลักการเบื้องต้นของศิลปะ  รวมถึงการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการผลิตวัสดุกราฟิก  นอกจากนี้ยังต้องมีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งจะสามารถนำมาใช้ในการออกแบบกราฟิกด้วย  เพื่อที่จะสามารถพัฒนางานออกแบบให้ทันยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลตลอดเวลา                                                          
รูปที่ 4.3 การออกแบบกราฟฟิก

            คุณค่าของงานกราฟิก
          งานกราฟิกชิ้นที่ดีจะทำให้เห็นถึงความคิดในการออกแบบเป็นเลิศจะมีอิทธิพลโดยตรงที่จะโน้มน้าวผู้รับข้อมูลให้เกิดความสนใจและยอดรับ  และในขณะเดียวกันก็ยังแสดงถึง
1. เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน  จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างถูกต้องและชัดเจน 
2. สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อ  เพื่อให้เกิดการเรียนรู้   เกิดการศึกษากับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี 
3. ช่วยทำให้เกิดความน่าสนใจ  ประทับใจ  และน่าเชื่อถือแก่ผู้พบเห็น 
4. ช่วยให้เกิดการกระตุ้นทางความคิดและการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว 
5. ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ 
6.ทำให้ผู้พบเห็นเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั้งทางด้านการกระทำและความคิด

ระบบคอมพิวเตอร์กับการออกแบบงานกราฟิก
      ความหมายและความเป็นมาของคอมพิวเตอร์กราฟิก 
         คอมพิวเตอร์กราฟิก ( Computer Graphics ) หมายถึง  การสร้าง  การจัดการ  การใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพกราฟิก  โดยการนำข้อมูลมาสร้างเป็นภาพ  เส้นกราฟ  แผนภาพ  แผนภูมิ  หรืออาจนำภาพมาจากสื่ออื่น ๆ เช่น  ภาพจากเครื่องสแกน  จากกล้องดิจิตอล  จากวีดีทัศน์หรือจากภาพยนตร์มาทำการตัดต่อให้เป็นไปตามต้องการหรือตกแต่งภาพให้ดีขึ้นคอมพิวเตอร์กราฟิกอาจหมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพ  โดยใช้ซอฟต์แวร์สำหรับวาดภาพ
รูปที่ 4.4 ระบบคอมพิวเตอร์กับการออกแบบงานกราฟิก

หลักการทำงานและการแสดงผลของภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก
              ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์  เกิดจากการทำงานโหมดสี RGB ซึ่งประกอบด้วยสีแดง ( Red ) สีเขียว ( Green ) และสีน้ำเงิน ( Blue ) โดยใช้หลักยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงองสีทั้ง 3 สีมาผสมกัน  ทำให้เกิดเป็นจุดสีสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรียกว่า พิกเซล ( Pixel ) ซึ่งมาจากคำว่า  Picture กับ Element โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี   เมื่อนำมาวางต่อกันจะเกิดเป็นรูปภาพซึ่งภาพที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท  คือ แบบ Raster กับ Vector
หลักการของกราฟิกแบบ Raster
          หลักการของภาพกราฟิกแบบ Raster หรือแบบ Bitmap เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากการเรียงตัวกันของจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ  หลากหลายสี ซึ่งเรียกจุดสีเหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ว่าพิกเซล  ในการสร้างภาพกราฟิกแบบ Raster จะต้องกำหนดจำนวนของพิกเซลให้กับภาพที่ต้องการสร้างถ้ากำหนดจำนวนพิกเซลน้อย  เมื่อยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจะทำให้มองเห็นภาพเป็นสุดสีเหลี่ยมเล็ก ๆ หรือถ้ากำหนดจำนวนพิกเซลมากก็จะทำให้แฟ้มภาพมีขนาดใหญ่  ดังนั้น  การกำหนดพิกเซลจึงควรกำหนดจำนวนพิกเซลให้เหมาะกับงานที่สร้าง  คือ  ถ้าต้องการใช้งานทั่วไปจะกำหนดจำนวนพิกเซลประมาณ 100-150ppi จำนวนพิกเซลต่อ 1 ตารางนิ้ว   ถ้าเป็นงานที่ต้องการความละเอียดน้อยและแฟ้มภาพมีขนาดเล็ก  เช่น  ภาพสำหรับใช้กับเว็บไซต์จะกำหนดพิกเซลประมาณ 72 ppi และถ้าเป็นงานพิมพ์  เช่น   นิตยสารโปสเตอร์ขนาดใหญ่จะกำหนดจำนวนพิกเซลประมาณ 300-350 ppi เป็น   
รูปที่ 4.5 ภาพแบบ Raster
                                                              
หลักการของกราฟิกแบบ Vector 
          หลักการองกราฟิกแบบ Vector  เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจาการอ้างอิงความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์หรือการคำนวณ  ซึ่งภาพจะมีความเป็นอิสระต่อกันโดยแยกชิ้นส่วนของภาพทั้งหมดออกเป็นเส้นตรง  เส้นโค้ง  รูปทรง  เมื่อมีการขยายภาพความละเอียดของภาพจะไม่ลดลง  แฟ้มจะมาดเล็กกว่าแบบ Raster ภาพกราฟิกแบบ Vector  นิยมใช้เพื่องานสถาปัตย์ตกแต่งภายในการออกแบบต่าง ๆ เช่น การออกแบบอาคาร   การออกแบบรถยนต์  การสร้างโลโก้  การสร้างานการ์ตูน  เป็นต้น
รูปที่ 4.6 ภาพแบบ Vecter

 หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์
          สีที่ใช้ในงานด้านกราฟิกทั่วไปมี 4 ระบบ คือ

            1. RGB    2.CMYK   3.HSB    4.  LAB

RGB
         เป็นระบบสีที่ประกอบด้วยแม่สี 3 สีคือ สีแดง เขียว และสีน้ำเงิน  เมื่อนำมาผสมกันทำให้เกิดสีต่าง ๆ บนจอคอมพิวเตอร์มากถึง 16.7 ล้านสี ซึ่งใกล้เคียงกับสีที่ตาเรามองเห็นแกติ สีที่ได้จากการผสมสีขึ้นอยู่กับความเข้มของสี โดยถ้าสีมีความเข้มข้นมาก เมื่อนำมาผสมกันจะทำให้เกิดเป็นสีขาว จึงเรียกระบบสีนี้ว่า แบบ Additive หรือการผสมสีแบบบวก
รูปที่ 4.7 สีแบบ RGB

CMYK

          เป็นระบบสีที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ออกทางกระดาษหรือวัสดุผิวเรียบอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยสีหลัก  4 สีคือ สีฟ้า สีม่วงแดง สีเหลือง และสีดำ ไม่ดำสนิทเนื่องจากหมึกพิมพ์มีความไม่บริสุทธิ์ จึงเป็นการผสมสีแบบลบ (Subtractive) หลักการเกิดสีองระบบนี้ คือ หมึกสีหนึ่งจะดูดกลืนแสงจากสีหนึ่งแล้วสะท้อนกลับออกมาเป็นสีต่าง ๆ เช่น สีฟ้าดูดกลืนแสงของสีม่วงแล้วสะท้อนออกมาเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าสีที่สะท้อนออกมาจะเป็นสีหลักของระบบ RGB การเกิดสีในระบบนี้จึงตรงข้ามกับการเกิดสีในระบบ RGB
รูปที่ 4.8 สีแบบ CMYK

HSB
         เป็นระบบสีแบบการมองเห็นของสายตามนุษย์  ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
         Hue คือ สีต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาจากวัตถุแล้วเข้าสู่สายตาของเรา ซึ่งมักเรียกสีตามชื่อสี เช่น สีเขียว สีแดง สีเหลือง เป็นต้น
          Saturation คือ ความสดของสีโดยค่าความสดของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนด Saturation ที่ 0 สีจะมีความสดน้อย แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสดมาก
          Brightness คือ ระดับความสว่างของสี โดยค่าความสว่างของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนดที่ 0 ความสว่างจะน้อยซึ่งจะเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสว่างมากที่สุด                                      
รูปที่ 4.9 สีแบบ HSB

LAB
         เป็นระบบสีที่ไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ใด ๆ ( Device Independent) โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 
         “L” หรือ Luminance เป็นการกำหนดความสว่างซึ่งมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนดที่ 0 จะกลายเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 จะกลายเป็นสีขาว 
         “A” เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีเขียวไปสีแดง 
         “B” เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีน้ำเงินไปสีเหลือง
รูปที่ 4.10 สีแบบ LAB

      องค์ประกอบในการออกแบบงานกราฟิกและสื่อ
          ความหมายและความเป็นมาของคอมพิวเตอร์กราฟิก
          องค์ประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ
          1. อักษรและตัวพิมพ์
          ตัวอักษรจะทำหน้าที่เป็นส่วนแจกแจงรายละเอียดของข้อมูล   สาระที่ต้องการนำเสนอด้วยรูปแบบและการจัดวางตำแหน่งอย่างสวยงาม  มีความชัดเจน  การออกแบบ  การเลือกแบบตลอดจนการกำหนดรูปแบบของตัวอักษรที่จะนำมาใช้ต้องมีลักษณะเด่น  อ่านง่าย  สวยงาม  น่าสนใจ  ลักษณะที่แตกต่างของตัวอักษร   จึงต้องกำหนดตามสภาวะนำไปใช้โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นหัวเรื่องหรือชื่อสินค้า จะต้องเน้นความโดนเด่นของรูปแบบมากที่สุด และส่วนที่เป็นข้อความหรือเนื้อหาที่ต้องการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ นิยมใช้ตัวอักษรที่มีรูปแบบเรียบง่ายสะดวกในการอ่านมากที่สุด

           2. ภาพและส่วนประกอบตกแต่งภาพ
           ภาพและส่วนประกอบตกแต่งภาพที่ต้องการเน้นให้เกิดคุณค่าทางความงาม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นรูปแบบและนำเสนอแนวคิดให้เป็นรูปธรรมดาตามความคิดของตน  เพื่อต้องการให้เกิดประสิทธิผลในการสื่อสารมากที่สุด
2.1   เมื่อต้องการดึงดูดความสนใจ 
2.2   เมื่อต้องการใช้ประกอบการอธิบายความรู้ 
2.3   เมื่อต้องการคำอธิบายความคิดรวบยอด 
2.4   เมื่อต้องการอ้างอิงสิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง 
2.5   เมื่อต้องการใช้ประกอบข้อมูลทางสถิติ

คุณค่าและความสำคัญของการออกแบบงานกราฟิกและสื่อ

งานกราฟิกที่ดีจะต้องทำให้เห็นถึงความคิดในการออกแบบเป็นเลิศ  มีคุณค่า และความสำคัญในตัวเองที่
 แสดงออกได้  ดังนี้ 
1.       เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน  ถูกต้อง  และชัดเจน 
2.       สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี 
3.       ช่วยทำให้เกิดความน่าสนใจ  ประทับใจ  และน่าเชื่อถือแก่ผู้พบเห็น 
4.       ช่วยให้เกิดการกระตุ้นทางความคิดและการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว 
5.       ช่วยสร้างสรรค์งานสัญลักษณ์ทางสังคม  และพัฒนาระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
6.       ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์  มีแนวคิดสิ่งใหม่อยู่เสมอ 
7.       ช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าทางธุรกิจ  และพัฒนาประเทศ

         งานกราฟิกกับคอมพิวเตอร์
               ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้สามารถสร้างคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่มีความสามารถในด้านการคำนวณตัวเลขจำนวนมากเสร็จสิ้นภายในเวลาอันสั้นและเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก  สามารถใช้ติดต่อสื่อสารเป็นเครือข่ายวงกว่างทั่วโลก  นอกจากนี้ราคาของคอมพิวเตอร์ก็ถูกโดยเฉพาะไมโครคอมพิวเตอร์  ทำให้มีการใช้งานแพร่หลายเกือบทุกวงการ  และเมื่อนำมาใช้ในงานกราฟิกทำให้สามารถสร้างงานกราฟิกได้รวดเร็วมีคุณภาพและมีปริมาณมาก  ง่ายต่อการนำไปใช้  งานกราฟิกที่ได้ยังสามารถใช้เผยแพร่ได้สะดวกกว่างไกลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ความนิยมใช้คอมพิวเตอร์ในงานกราฟิกเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในกิจกรรม  ดังนี้

             งานนำเสนอข้อมูล
          ในการนำเสนอข้อมูลหากข้อมูลที่นำเสนอมีเฉพาะข้อความ  ตัวเลขหรือตารางจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกเบื่อหน่ายและอาจสื่อความเข้าใจได้ยาก  ดังนั้นจึงนิยมใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสร้างภาพกราฟิกเพื่อการนำเสนอ  ข้อมูล  เช่น  รายงานสรุปการเงิน  คะแนนนักเรียนจำนวนประชากร  ซึ่งสามารถทำเป็นรูปกราฟวงกลม  กราฟเส้น  กราฟแท่ง  เพื่อแสดงถึงปริมาณหรือความสัมพันธ์ของค่าต่าง ๆ ตัวอย่างการนำเสนอข้อมูลลักษณะนี้
รูปที่ 4.11 งานนำเสนอข้อมูล

                งานออกแบบ
          คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพในการสร้างภาพกราฟิกเพื่อออกแบบทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม การออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ( Computer Aided Design : CAD ) นั้นได้ถูกใช้งานอย่างมากในการออกแบบสิ่งก่อสร้าง  รถยนต์  เครื่องบิน  ยานอวกาศ  รวมทั้งการออกแบบคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่  ซึ่งมักจะถูกออกแบบในคอมพิวเตอร์ก่อนแล้วจึงนำมาสร้างจริงในภายหลัง  หน้าจอของโปรแกรมในลักษณะนี้มักจะประกอบด้วยรายการเลือก  หน้าต่าง  และภาพอุปกรณ์ที่กำลังออกแบบ
รูปที่ 4.12 หน้าจอของโปรแกรมช่วยออกแบบทางเครื่องกล

              ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ  คือ
1. การออกแบบทำได้อย่างรวดเร็ว  เรื่องจากการป้อนข้อมูลทำได้ง่ายด้วยความช่วยเหลือของส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical  User  Interface : GUI ) 
2. ผู้ใช้สามารถมองเห็นงานที่ออกแบบได้โดยไม่ต้องสร้างต้นแบบจริงทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย 
3. ลดจำนวนการสร้างต้นแบบเพื่อการทดสอบลง  เนื่องจากผู้ใช้สามารถจำลองเพื่อดูพฤติกรรมของเครื่องบิน 
4. ช่วยให้สามารถออกแบบงานที่มีความซับซ้อนสูงมากซึ่งมนุษย์จะไม่สามารถทำได้โดยปราศจากคอมพิวเตอร์  เช่น  การสร้างขึ้นส่วนอุปกรณ์  การออกแบบทางสถาปัตยกรรมการออกแบบวงจรรวม ( Integrated Circuit : IC)
รูปที่ 4.13 การวางท่อด้วยระบบ

           งานสร้างภาพนามธรรม 
          คอมพิวเตอร์ใช้ข้อมูล  วิธีการทางคณิตศาสตร์  และวิธีการสร้างภาพกราฟิก  สร้างภาพนามธรรมซึ่งเป็นภาพกราฟิกที่ไม่มีจริงในธรรมชาติหรือภาพที่โดยปกติมีความยาก  หรือ  เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นหรือเฝ้าสังเกตได้  เช่น  ภาพในภาพยนตร์ที่นักแสดงในปัจจุบันปรากฏตัวร่วมกับบรรดาบุคคลสำคัญของโลกในอดีตหรือตัวการ์ตูน  ภาพห้วงอวกาศ  ภาพการเต้นของหัวใจจากมุมมองต่าง ๆ ภาพการเคลื่อนไหวของข้อต่อกระดูก  ภาพนามธรรมมีประโยชน์อย่างมากต่องานบันเทิง  การแพทย์  วิทยาศาสตร์  และงานอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน
          การตรวจรักษาโรคของแพทย์ใช้ภาพนามธรรมที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นเพื่อซ่อมแซมอวัยวะที่ผิดปกติหรือชำรุด  โดยการสร้างภาพนามธรรมของอวัยวะที่ตรวจและอาจสร้างภาพนามธรรมของอวัยวะปกติซ้อนทับไว้  แพทย์จะสามารถตรวจค้นพบความผิดปกติของอวัยวะโดยการหมุนดูภาพนามธรรมนี้ในมุมต่าง ๆ  และเมื่อจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อให้การรักษา  ในขณะผ่าตัดแพทย์สามารถมองเห็นภาพนามธรรมของอวัยวะที่กำลังผ่าตัดได้ทุกแง่ทุกมุม  ช่วยให้การผ่าตัดสะดวกและถูกต้อง  ในการผ่าตัดตบแต่งใบหน้าของผู้ประสบอุบัติเหตุ  ศัลยแพทย์สามารถสร้างภาพนามธรรมใบหน้าของผู้ป่วยขึ้นก่อนแล้วดำเนินการผ่าตัดไปตามที่กำหนด
รุปที่ 4.14 ภาพจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ แสดงกระดูกนิ้วหัวแม่มือที่ยาวผิดปกติ
             ร้านทำผมบางแห่งสร้างภาพนามธรรมของแบบทรงผมบนภาพของลูกค้า  แสดงให้ลูกค้าเห็นภาพของตัวเองกับทรงผมใหม่ ในมุมมองต่าง ๆ เมื่อลูกค้าพอใจจึงตัดสินใจลงมือทำ

           งานด้านศิลปะ 
          การสร้างงานด้านศิลปะนับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษยชาติ  ศิลปินสามารถใช้สื่อต่าง ๆ ในการถ่ายทอดจินตนาการ   อารมณ์  ความรู้สึกสู่ผู้ชมงานศิลปะนั้น  คอมพิวเตอร์นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างภาพกราฟิกเพื่อสื่อความหมาย  เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการนำเสนอได้มาก 
          การสร้างงานศิลปะอาจทำได้ตั้งแต่การวาดภาพโดยใช้โปรแกรมวาดภาพที่มีเครื่องมือให้สามารถใช้เมาส์แทนการใช้พู่กันและสี   ในบางโปรแกรมสามารถปรับความหนักเบาของเส้นมาช่วยทำให้การวาดภาพเป็นธรรมชาติขึ้น  บางโปรแกรมสามารถปรับแต่งภาพถ่ายมาเป็นภาพวาดสีน้ำ  สีน้ำมัน  หรือแบบอื่น ๆ ได้  และยังรวมความสามารถในการเลือกพื้นผิวสำหรับวาดภาพด้วย 


       ในงานศิลปะการละคร  ฟิล์มภาพยนตร์หรือวีดีทัศน์สามารถบันทึกภาพการแสดงได้แต่ไม่สามารถเก็บรายละเอียดท่าทางของตัวละครแต่ละตัว  การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกจะทำให้ผู้กำกับการแสดงสามารถวิเคราะห์ออกแบบท่าทางของนักแสดง  กำกับบทบาทของตัวละครแต่ละคนบันทึกเป็นข้อมูล  กำหนดฉาก  แสง  และแสดงเป็นภาพการแสดงรวม  ซึ่งสามารถตรวจสอบแก้ไขรายละเอียดทุกส่วน  และนำไปสู่บทบาทการแสดงจริงบนเวที  คอมพิวเตอร์กราฟิกสำหรับงานศิลปะการละครจะมีลักษณะการใช้งานคล้ายกับคอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยในการออกแบบ
รูปที่ 4.15 ภาพเลียนแบบงานศิลปะที่สร้างโดยใช้คอมพิวเตอร์
         งานสำรวจอวกาศ
          ในการสำรวจอวกาศจากนอกโลก  คอมพิวเตอร์ในยานสำรวจจะบันทึกภาพต่าง ๆ  เช่น  ดาวอังคาร  ดวงจันทร์  ดาววีนัส  กาแล็กซี่ต่าง ๆ เป็นข้อมูลทางดิจิทัลแล้วส่งกลับมายังฐานบนโลกซึ่งจะเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลมาเป็นภาพกราฟิก  ผู้เชี่ยวชาญทางกราฟิกจะวิเคราะห์ภาพโดยใช้เทคนิคเพิ่มคุณภาพของภาพ  ซึ่งจะทำการปรับภาพตามเงื่อนไขของตัวบ่งชี้พื้นผิว
          เทคนิคการเพิ่มคุณภาพของภาพสามารถเติมข้อมูลที่ผิดพลาดโดยการตรวจสอบจุดภาพข้างเคียงส่วนที่ผิดพลาดแล้ว  คาดการว่าข้อมูลภาพที่หายไปหรือไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร  ความเข้มแสงบนภาพได้รับการปรับให้ดีขึ้น  โดยใช้ข้อมูลที่มาจากข้อกำหนดของอุณหภูมิความหนาแน่นของอากาศและชั้นบรรยากาศต่าง ๆ เทคนิคการเพิ่มคุณภาพของภาพสามารถปรับภาพสีเทาเป็นภาพสีได้
รูปที่ 4.16 ภาพดวงดาวและพื้นผิวดาว

งานพยากรณ์อากาศ
          ภาพแผนที่อากาศและคำพยากรณ์อากาศที่ปรากฏในข่าวทางทีวีในแต่ละวันเป็นงานที่เกิดจากรวบรวมข้อมูลความกดอากาศ  อุณหภูมิ  ความชื้นสัมพัทธ์  ความเร็วลม  และทิศทางลมของกรมอุตุนิยมวิทยาจากหลายพื้นที่  โดยใช้ข้อมูลจากการมองเห็น  ภาพสำรวจผ่านดาวเทียม  สัญญาณจากเรดาร์  เครื่องวัดภาคพื้นดิน  เครื่องมือวัดจากบัลลูนอากาศแล้วป้อนเข้าสู่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่แหล่งเก็บข้อมูลนั้น ๆ จากนั้นข้อมูลจำนวนมากมายนี้จะถูกส่งต่อมาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์กรมอุตุนิยมวิทยา  กรุงเทพ ฯ ซึ่งจะทำการคำนวณด้วยความเร็วสูงเพื่อจำลองสภาพของอากาศ  ผลที่ได้จะเป็นภาพกราฟิกที่เป็นภาพแผนที่อากาศและข้อมูลสำหรับพยากรณ์อากาศ
รูปที่ 4.17 แผนที่แสดงปริมาณน้ำฝนในบริเวณต่างๆของโลก 

           งานกีฬา
 
          ในสนามกีฬาหลายแห่งจะมีกระดานอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์สำหรับให้ข้อมูลและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมโดยแสดงภาพกราฟิก  เช่น  สถิติและคะแนนการแข่งขัน  ย้อนภาพการแข่งขัน  แสดงภาพเคลื่อนไหว  แสดงความยินดีและเป็นกำลังใจ 
          ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนักกีฬา  ผู้ควบคุมการฝึกสอนกีฬาสามารถใช้โปรแกรมทางกราฟิก  เช่นการนำภาพการเคลื่อนไหวร่างกายของนักกีฬาขณะวิ่งเก็บบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์  โดยใช้เครื่องกราดตรวจพิเศษหรือดิจิไทเซอร์  แล้วสร้างโครงร่างกายขณะเคลื่อนไหวเป็นภาพกราฟิก  รูปแบบที่สร้างขึ้นนี้สามารถนำไปใช้ในการเปรียบเทียบกัลป์ผลการวิ่งของนักกีฬาคนอื่น  ทำให้สามารถพัฒนารูปแบบการวิ่งและวิธีการเพิ่มขีดความสามารถของนักกีฬาได้             
รูปที่ 4.18 การใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพการเคลื่อนไหวของนักกีฬา

ประเภทของงานออกแบบกราฟิกและสื่อ
           1. งานกราฟิกบนสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์
               1.1   แผ่นป้ายโฆษณา( Poster ) เป็นสื่อที่มีความสำคัญมากในวงการประชาสัมพันธ์เพราะแผ่นป้ายโฆษณาสามารถเผยแพร่ได้สะดวกและกว้างขวาง  เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นที่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ทุกเพศทุกวัยทุกระดับการศึกษา  มีความยืดหยุ่นในการออกแบบสามารถออกแบบกราฟิกได้อย่างอิสระเพื่อโน้มน้าวความรุสึกได้เป็นอย่างดี
รูปที่ 4.19 แผ่นป้ายโฆษณา (Poster)

               1.2
   แผ่นพับ ( Floders ) หมายถึง  สื่อโฆษณาที่เป็นสิ่งพิมพ์ประเภทไดเร็กเมล ( Direct Mail )
 ที่ผู้ผลิตส่งตรงถึงผู้บริโภค  มีทั้งวิธีการส่งทางไปรษณีย์และแจกตามสถานที่ต่าง ๆ ลักษณะเด่นของแผ่นพับ คือ  มีขนาดเล็ก หยิบง่ายให้ข้อมูลรายละเอียดได้มากพอสมควร  ผู้อ่านสามารถเลือกเวลาใดอ่านก็ผู้ออกแบบมีเทคนิคการออกแบบตามอิสระหลากหลาย  ค่าใช้จ่ายในการผลิตต่ำกว่าสิ่งพิมพ์ชนิดอื่น  นอกจากนี้ยังเป็นสื่อที่ถึงเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
รูปที่ 4.20 แผ่นพับ (Floders)
             1.3 แผ่นปลิว (Leaflets) หมายถึง สิ่งพิมพ์เฉพาะกิจที่มีเนื้อหาสาระเรื่องใดเพียงเรื่องเดียว ได้แก่  คำแถลง  ประกาศ  ชี้แจง  แจ้งความ  โดยข้อความเหล่านั้นมักจะเป็นการให้ข้อมูลเพื่อแจกจ่ายไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ  อาจมีวัตถุประสงค์เพื่อการโฆษณา  หรือเพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ก็ได้ความหมายของใบปลิวอีกลักษณะหนึ่ง คือ แผ่นกระดาษ  ข้อความที่แจกจ่ายในลักษณะที่ปกปิด ไม่เปิดเผยเหมือใบปลิวโฆษณาสินค้าและบริการหรือประกาศเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นการจัดทำโดยหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานใด
รูปที่ 4.21 แผ่นปลิว (Leaflets) 

             1.3
 บัตรเชิญ ( Cards ) เป็นสื่อโฆษณาอีกประเภทหนึ่งที่มีบทบาทในการโฆษณาประชาสัมพันธ์
การออกแบบกราฟิกด้านบัตรเชิญมีอย่างกว้างขวาง  นักออกแบบพยายามสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ที่จะท้าทายให้ผู้ได้รับเชิญเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น  อยากสัมผัส  บัตรเชิญเรียกได้ว่าเป็นสื่อเฉพาะกิจใช้ในโอกาสต่าง ๆ ที่สำคัญ  เช่น  เชิญเปิดร้าน  เปิดกิจการ เปิดนิทรรศการ  การแสดงหรือใช้โชว์สินค้า  การเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่  ดังนั้นการออกแบบบัตรเชิญจึงมักจะต้องมีความประณีต สวยงาม  มีคุณค่าสูงในด้านศิลปะ  เนื่องจากต้องการดึงดูดชักจูงให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม
รูปที่ 4.22 บัตรเชิญ (Cards)

         2. งานกราฟิกบรรจุภัณฑ์
             บรรจุภัณฑ์ที่มีหน้าที่หลัก  คือ เป็นตัวภาชนะสำหรับบรรจุสินค้า  มีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามลักษณะของสินค้า  เช่น  หีบ  ห่อ กล่อง  ขวด  ลัง  กระป๋อง  บรรจุภัณฑ์จะมีขนาดต่าง ๆ ตามขนาดที่บรรจุสินค้า  การออกแบบบรรจุภัณฑ์แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 3 กลุ่ม คือ
              2.1 บรรจุภัณฑ์สำหรับค้าปลีก มักออกแบบสวยงามสะดวกในการใช้สอย น่าใช้บางชนิดจะเน้นความสวยงามเป็นพิเศษ จะมีรายละเอียดของสินค้าบรรจุอยู่ภายใน 
              2.2 บรรจุภัณฑ์เพื่อการค้าส่ง เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบสำหรับบรรจุสินค้าจำนวนมาก ๆ การกำหนดรายละเอียดจะแตกต่างออก
             2.3 บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง จะเน้นในเรื่องความสะดวก ความปลอดภัยและความประหยัดในการขนส่ง การออกแบบฉลากของบรรจุภัณฑ์จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดหลายอย่าง นักออกแบบมักจะต้องสร้างภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้เกิดความน่าเชื่อถือ สวยงาม ส่วนการออกแบบหีบห่อบรรจุภัณฑ์ก็มีจุดประสงค์อย่างเดียวกันกับฉลากสินค้า แต่มีจุดเด่นเพื่อความสะดวกในการขนส่ง
รูปที่ 4.23 บรรจุภัณฑ์การค้า

         3. งานกราฟิกบนเครื่องหมายและสัญลักษณ์
             สื่อที่เป็นภาพเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์  เป็นสื่อที่มีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน   ถ้าเรามองไปรอบ ๆ ตัวจะเห็นสื่อที่เป็นภาพเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ปรากฏอยู่ทั่วไป
             การออกแบบสัญลักษณ์  นักออกแบบจะต้องใช้ความรู้ความสามารถอย่างยิ่งในการวิเคราะห์เนื้อหาสาระที่ต้องการสื่อความหมาย  ทั้งยังต้องใช้ความสามารถในการเขียนภาพหรือผลิตภาพสัญลักษณ์ให้ประณีต  คมชัด  เพื่อสื่อความหมายได้อย่างถูกต้องชัดเจน
              ในการออกแบบสัญลักษณ์  นักออกแบบอาจมีแรงบันดาลใจที่สำคัญมาจาก 2 แหล่งคือ 
จากธรรมชาติสิ่งแวดล้อม  ได้แก่  ภาพดอกไม้ใบไม้  ดวงอาทิตย์  ภูเขา  ทะเล ฯนฯ
              - จากรูปแบบที่มนุษย์สร้างขึ้น  ได้แก่  อาคารบ้านเรือน  เครื่องใช้  สิ่งของต่าง ๆ การออกแบบสัญลักษณ์ให้บรรลุเป้าหมาย  นักออกแบบควรคำนึงถึงหลักสำคัญ 3 ประการ 8nv
             - ความหมายของสัญลักษณ์  จะต้องเกี่ยวโยงกับสุนทรีภาพคือความงดงามของรูปแบบของสัญลักษณ์นั้น ๆ
             - ต้องเหมาะสมกับกาลเวลาทุกยุคทุกสมัย  ควรหลักเลี่ยงสิ่งที่เป็นความนิยมชั่วคราว
             - ต้องนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ  สามารถลอกเลียนด้วยวิธีย่อ  ขยายได้ง่าย  สื่อที่เป็นภาพเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่มีอยู่ทั่วไป   อาจแยกประเภทได้ ดังนี้

           3.1 ภาพเครื่องหมายจราจร เป็นกติกาสากลซึ่งเข้าใจร่วมกันทั่วไป การออกแบบจะเน้นความชัดเจนของการสื่อความหมาย เข้าใจง่าย สีสันสะดุดตา
           3.2 เครื่องหมายสถาบันสมาคมและกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งกำหนดรูปแบบเพื่อแทนหรือเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ
           3.3 เครื่องหมายบริษัท สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อการสร้างเชื่อมั่นกระตุ้นความน่าสนใจในบริษัทการค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
           3.4 ภาพเครื่องหมายสถานที่ เป็นเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์สถานที่ต่าง ๆ ที่แสดงให้เข้าใจร่วมกันได้โดยไม่ต้องใช้ตัวหนังสือ ข้อความ ซึ่งบางครั้งอาจสื่อได้ยากกว่าการใช้สัญลักษณ 
           3.5 ภาพเครื่องหมายกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การกีฬา การก่อสร้าง การประชุม ฯลฯ
           3.6 เครื่องหมายที่ใช้ในการออกแบบเขียนแบบ เป็นเครื่องหมายภาพที่ใช้สื่อความหมายร่วมกันระหว่างผู้ออกแบบ เขียนแบบแปลน และผู้อ่านแบบหรือบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้อง

           ในการออกแบบภาพเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์  ควรยึดหลักกว้าง ๆ เพื่อเป็นแนวคิด  ดังนี้
-          แนวคิดเกี่ยวกับความงาม
-          แนวคิดเกี่ยวกับความหมาย 
-          แนวคิดในการสร้างความเด่นและน่าสนใจ 
-          ความเหมาะสมในการออกแบบและการใช้งาน
รูปที่ 4.24 เครื่องหมายและสัญลักษณ์

4. งานกราฟิกบนสิ่งพิมพ์ทั่วไป
             สิ่งพิมพ์ทั่วไปที่ต้องอาศัยงานกราฟิกช่วยในการออกแบบมีหลายประเภท  เช่น  วารสาร  หนังสือพิมพ์  นิตยสาร  หนังสือสำหรับเด็ก  ซึ่งควรพิจารณาองค์ประกอบ  ดังนี้ 
1. การออกแบปกหนังสือ  ผู้ออกแบจะต้องจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้เหมาะสมสวยงาม  คำนึงถึงลักษณะของหนังสือ  ลักษณะของผู้บริโภค  อาจมีหลักที่ต้องพิจารณาถึง  คือ ประเภทหนังสือ  บุคลิกของหนังสือ  แนวทางสร้างสรรค์รูปแบบ  วิธีการผลิต  วัสดุที่ใช้ทำปก 
2. การออกแบบจัดหน้า  การออกแบบจัดหน้าของสิ่งพิมพ์แต่ละประเภทจะแตกต่างกันออกไป  แต่จะสอดคล้องกับลักษณะของเนื้อหาและรูปเล่ม
3.  การออกแบรูปเล่ม  หนังสือแต่ละประเภทจะมีรูปเล่มแตกต่างกัน  แต่ต้องคำนึงถึงความสวยงาม  สะดวกในการหยิบอ่าน  พกพา  การเก็บรักษา  ขนาด  และความหนาพอดี
รูปที่ 4.25 งานกราฟิกบนสิ่งพิมพ์

          คอมพิวเตอร์กับการออกแบบ 
          การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ ( Computeraided  Design ) โดยนายเอกชัย  ลีลารัศมี  มีชื่อย่อว่า แคด ( CAD ) เป็นการประยุกต์ของคอมพิวเตอร์ที่มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้นอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ฃนำมาผนวกกับการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต ( Computer Aided Manufacturing ) ซึ่งมีช่อย่อว่าแคม ( CAM ) เชื่อว่าในอนาคตการผนวกกันเช้านี้จะนำไปสู่การปฏิวัติทางอุตสาหกรรมครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง  ภายหลังจากที่เครื่องจักรไอน้ำและเครื่องจักรกลไฟฟ้าได้ทำให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมมาแล้วในอดีต  ในอุตสาหกรรมยุคใหม่นี้คอมพิวเตอร์จะมีตลอดทุกขั้นตอนในการผลิต  นับตั้งแต่การออกแบจนถึงกระบวนการผลิตขั้นตอนสุดท้าย  ทั้งนี้โดยอยู่ภายใต้ระบบการสั่งงานและควบคุมของมนุษย์
รูปที่ 4.26 คอมพิวเตอร์กับการออกแบบ
          คอมพิวเตอร์กราฟิกกับเทคนิคพิเศษในภาพยนตร์
          คอมพิวเตอร์กราฟิกนอกจากการใช้เป็นเครื่องมือในกาตกแต่ง  ตัดต่อภาพยนตร์และควบคุมการเคลื่อนกล้อง ( Motion  control )  ด้วยวิธีนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ควบคู่อุปกรณ์วัดตำแหน่งเพลาและการหมุนของมอเตอร์ที่ติดตั้งบนแท่นกล้อง  ทำให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวกล้องภาพยนตร์ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและแลดูเป็นธรรมชาติ  ภาพที่บันทึกการเคลื่อนไหวที่เกิดจากหุ่นจำลองในทิศทางต่าง ๆ จึงแลดูสมจริงกว่าภาพยนตร์ที่ผ่านมามาก  คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนำมาใช้สร้างภาพ  เทคนิคในภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อบริษัทวอลท์ดิสนีย์ได้เสนอภาพยนตร์เรือง ตรอน ( Tron ) ซึ่งเป็นเรื่องเป็นราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มสาว 2  คนที่ถูกส่งเข้าไปภายในระบบคอมพิวเตอร์  ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่ากับสตาร์วอร์  แต่เทคนิคพิเศษในภาพยนตร์เรื่องตรอนก็เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการนำคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้สร้างเทคนิคพิเศษที่ทดแทนวิธีการแบบเก่าในอุตสาหกรรมภาพยนตร์  บริษัทพาราเมาส์พิกเจอร์ร่วมกับบริษัทลูกัสฟิล์มได้นำเสนอภาพยนตร์เรื่องสตาแทรค 2 (Star Trek II) ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากหนึ่งที่นำคอมพิวเตอร์กราฟิกมาสร้างภาพเคลื่อนไหวยาว 20 วินาที คือ  ภาพแสดงโครงการเจเนชิส  ที่มีวัตถุประสงค์สร้างโลกใหม่ของมนุษย์จุดเด่นของภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก  คือ  เทคนิคที่แสดงภาพการระเบิดเป็นอนุภาคฝุ่นและกำแพงไฟที่ผิวดาวเคราะห์และขยายตัวไปอย่างรวดเร็วจนทั่วดวงดาว
รูปที่ 4.27 คอมพิวเตอร์กราฟิกกับเทคนิคพิเศษในภาพยนตร์
              พัฒนาการของเทคนิคพิเศษได้ก้าวไปอีกขึ้นหนึ่งเมื่อบริษัทไอแอลเอ็ม ( Industrial Light & Magic :ILM ) ได้สร้างความฉงนให้กับผู้ชมภาพยนตร์ในเวลานั้นด้วยภาพยนตร์ในเวลานั้นด้วยภาพยนตร์เรื่อง Abyss  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคนิคพิเศษคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ก้าวหน้ามากที่สุด  ต่อมาบริษัทไอแอลเอ็ม  ได้สร้างเทคนิคพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Terminator 2 : Judgement Day ความสำเร็จของใช้เทคนิคพิเศษในภาพยนตร์ทำให้คอมพิวเตอร์กราฟิกกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์ภาพจากจินตนาการของผู้ประพันธ์ให้ปรากฏออกมาในภาพยนตร์ที่ให้ความสมจริงได้  อาจกล่าวได้ว่าการพัฒนาระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้างเทคนิคพิเศษส่งผลให้เกิดทางเลือกใหม่แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์  คือ  เนื้อหาของบทภาพยนตร์ไม่ถูกจำกัด  การนำคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้ทำให้เนื้อหาบทภาพยนตร์ไม่ถูกจำกัดด้วยเทคนิคและกระบวนการสร้างภาพยนตร์อีกต่อไป  ศิลปินมีความอิสระในการสร้างภาพยนตร์โดยไม่จำกัดตัวเองให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ในธรรมชาติ  เช่นตำแหน่ง  ความเร็ว  น้ำหนักของวัตถุและกล้องในภาพยนตร์  เครื่องมือชิ้นใหม่สำหรับเทคนิคพิเศษ  คอมพิวเตอร์กราฟิกกลายเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งสำหรับการสร้างเทคนิคพิเศษ  เช่น  ภาพการระเบิดเปลวไฟ  การลบบางส่วนของภาพออก  รวมทั้งการนำไปใช้สร้างตัวละครประกอบในฉากจำนวนมาก ๆ การให้ความสมจริงคุณภาพของภาพที่ปรากฏในฉากภาพยนตร์  ผู้ชมจะไม่สามารถแยกได้ว่าภาพที่ปรากฏเป็นเหตุการณ์จริงหรือเกิดจากเทคนิคพิเศษที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก  รวมทั้งการพัฒนาระบบที่เสมือนจริงซึ่งสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมสามมิติขึ้นมารอบตัวผู้ชมได้อย่างน่าตื่นตาการลดต้นทุนการผลิต  ผู้ผลิตภาพยนตร์สามารถนั้นตอนการถ่ายทำลงให้อยู่ภายในฉากเดียวกันได้  โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ เหตุการณ์  เช่น  ฉากการต่อสู้เดียวกันได้  โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ เหตุการณ์ เช่น  ฉากการต่อสู้ของยานรบในอวกาศที่สับสนวุ่นวายหรือภาพฝูงไดโนเสาร์จำนวนหลายสิบตัวที่กำลังวิ่งไล่ล่ากันการปรับปรุงคุณภาพการผลิต  การผลิตภาพยนตร์ในระยะหลังได้พัฒนาทั้งระบบบันทึกภาพและเสียงที่แต่เดิมกระทำในระบบอนาล็อกได้ถูกเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอลที่ให้ภาพและเสียงคมชัด  การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกควบคุมการเคลื่อนไหวกล้องบันทึกรวมทั้งกระบวนการหลังถ่ายทำ  เช่น  การตัดต่อ และการบันทึกเสียง เป็นต้น
รูปที่ 4.28 พัฒนาของคอมพิวเตอร์กราฟิกกับเทคนิคพิเศษในภาพยนตร์
          คอมพิวเตอร์กราฟิกเป็นรูปแบบของการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ปราศจากข้อจำกัดซึ่งสามารถขยายพรมแดนการแสดงออกของจินตนาการ  ทำให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ภาพที่ไมมี่เคยมีผู้ใดเคยเห็นมาก่อน  เช่น  ภาพวัสดุที่มีขนาดเล็กหรืออยู่ห่างไกลจากความเป็นจริงด้วยระยะทางและกาลเวลาให้ปรากฏออกมาได้อย่างสมจริง  เราจะพบว่าภาพเคลื่อนไหวคอมพิวเตอร์กราฟิกนอกจากกำลังเป็นสิ่งที่ลบเส้นกั้นระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริงที่ผู้ชมไม่อาจแยกออกจากกันได้อีกต่อไปแล้ว  ยังสามารถสนองความรู้สึกและให้ความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมในขณะที่ต้นทุนการนำคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะมีแนวโน้มที่ต่ำลง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น